มุมมองธรรมะ VS ประสบการณ์จริง
จากประสบการณ์ส่วนตัวของผม(ของผม) ที่เข้ามาสู่วงการลงทุนในตลาดหุ้นนั้น ผมสามารถหาคำตอบได้สิ่งหนึ่งก็คือ
"ธรรมะ" ทำให้ผมอยู่รอดในตลาดหุ้นมาจนถึงทุกวันนี้
มีคนเคยตลกกับคำพูดของผม ว่า ธรรมะกับการลงทุนมันขัดกัน เอามาใช้ด้วยกันจะไปรวยได้ยังไง ไม่เข้าใจ
สิ่งที่ผมสังเกตได้จากคำพูดนี้ ก็คือ ก็เพราะคุณยังไม่เข้าใจไงหล่ะ (ผมก็เคยไม่เข้าใจมาก่อนเหมือนกันเนี่ยแหล่ะ)
จริงๆแล้ว ถ้าใครที่ชอบหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆมาอ่าน
น่าจะเคยเห็นกูรูหรือนักลงทุนชื่อดัง
พูดถึงเรื่องของการลงทุนกับธรรมะมาบ้างแล้ว
และก็น่าจะพอเข้าใจความหมายของมันไม่มากก็น้อย แต่วันนี้
ผมจะเอาประสบการณ์ของจริงที่เกิดขึ้นกับผมมาแชร์ให้เห็นภาพอีกมุมหนึ่ง
เราลองมาดูกัน!!!
1. การขาดทุนครั้งที่เลวร้ายที่สุดของผม
เกิดขึ้นแค่ครั้งเดียวตั้งแต่เล่นหุ้นมา สาเหตุมาจาก "ความโลภ" ทั้งหมด
ด้วยความคิดที่ว่า "ได้ทีรวยเละเลย" แต่ไม่ได้คิดสวนทางกันว่า
แล้วถ้าเสียหล่ะ? เพราะตอนนั้นผมโดนกิเลสครอบงำแบบจริงจังมาก
ผมทุ่มเงินหมดหน้าตักเข้าซื้อหุ้นที่มีข่าววงในออกมาถึงหูผม
คาดว่าจะปั่นไปเท่านั้นเท่านี้
ผลลัพธ์ที่ได้คือ โดนจ้าวทุบเละครับ
สติแตก ทำอะไรไม่ถูกครับ ไปไม่เป็นเลยครับงานนี้ ช๊อค
กว่าจะตั้งสติได้อีกที เงินที่ผมพยายามต่อยอดจากการลงทุนมา 3-4 ปี
ก็หายไปกว่าครึ่งหนึ่งของมันเป็นที่เรียบร้อย
เป็นประสบการณ์ที่ราคาแพงมากสำหรับผม แต่มันก็ทำให้ผมเข้าใจว่า
การอยากรวยเร็วๆ ความโลภที่มี มันอันตรายจริงๆ และหากผมมีสติมากกว่านี้
มันคงจะช่วยให้ไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
2.
ช่วงที่ผมฝึกเทรดหุ้นด้วยวิธีแบบ technical
มันทำให้ผมเห็นความจริงอย่างนึงคือ ทุกครั้งที่เกิดความผิดพลาด
ไม่เป็นไปตามทฤษฎี ผมจำเป็นต้อง cut loss .....แต่ผมไม่ทำ!!! เพราะ
เข้าข้างตัวเอง ไม่ยอมรับความจริง คิดว่ามันน่าจะเด้งได้ สุดท้ายลงลึก เลยต้องขายขาดทุนกว่าเดิม
เหตุการณ์ครั้งนี้มันทำให้ผมเข้าใจว่า ธรรมชาติของหุ้นมันเป็นแบบนี้
ไม่มีอะไรถูกต้องตามทฤษฎี100% และเมื่อผิดทางแล้วก็ต้องรู้ว่าผิด ให้รีบแก้ไข
และการใช้อารมณ์เข้ามารบกวนระบบการเทรดที่มีวินัย มันก็เลยบรรลัยแบบนี้เอง
จริงๆหากเข้าใจธรรมะ ก็จะรู้ว่า ธรรมชาติของมนุษย์มีความกลัว ความโลภ มีกิเลสเป็นเรื่องปกติ เป็นธรรมดา และเป็นธรรมชาติ
ตลาดหุ้น รวมถึงการเล่นหุ้น
มันก็เป็นผลจากการกระทำที่ส่งต่อมาจากมนุษย์เรานี่เอง
ดังนั้นมันก็เป็นเรื่องธรรมดา เมื่อมีคนฉลาด ก็ย่อมมีคนโง่ เมื่อมีคนกลัว
ก็ต้องมีคนกล้า เมื่อมีคนอยากซื้อ มันก็ย่อมมีคนอยากจะขาย
สุดท้ายมันก็ส่งผลให้ราคาขึ้นและลง ตาม demand and supply หรือปัจจัยเหล่านี้เป็นปกติธรรมดา
หากเข้าใจหลักธรรมชาติเบื้องต้นแบบนี้แล้ว ผมว่า คุณมีแววจะอยู่ในตลาดหุ้นได้ยาวนานและมั่นคงได้ไม่ยาก
- บ้าหุ้น -
No comments:
Post a Comment