Sunday, September 29, 2013

มุมมองธรรมะ VS ประสบการณ์จริง

จากประสบการณ์ส่วนตัวของผม(ของผม) ที่เข้ามาสู่วงการลงทุนในตลาดหุ้นนั้น ผมสามารถหาคำตอบได้สิ่งหนึ่งก็คือ

"ธรรมะ" ทำให้ผมอยู่รอดในตลาดหุ้นมาจนถึงทุกวันนี้

มีคนเคยตลกกับคำพูดของผม ว่า ธรรมะกับการลงทุนมันขัดกัน เอามาใช้ด้วยกันจะไปรวยได้ยังไง ไม่เข้าใจ

สิ่งที่ผมสังเกตได้จากคำพูดนี้ ก็คือ ก็เพราะคุณยังไม่เข้าใจไงหล่ะ (ผมก็เคยไม่เข้าใจมาก่อนเหมือนกันเนี่ยแหล่ะ)

จริงๆแล้ว ถ้าใครที่ชอบหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆมาอ่าน น่าจะเคยเห็นกูรูหรือนักลงทุนชื่อดัง พูดถึงเรื่องของการลงทุนกับธรรมะมาบ้างแล้ว และก็น่าจะพอเข้าใจความหมายของมันไม่มากก็น้อย แต่วันนี้ ผมจะเอาประสบการณ์ของจริงที่เกิดขึ้นกับผมมาแชร์ให้เห็นภาพอีกมุมหนึ่ง

เราลองมาดูกัน!!!

1. การขาดทุนครั้งที่เลวร้ายที่สุดของผม เกิดขึ้นแค่ครั้งเดียวตั้งแต่เล่นหุ้นมา สาเหตุมาจาก "ความโลภ" ทั้งหมด ด้วยความคิดที่ว่า "ได้ทีรวยเละเลย" แต่ไม่ได้คิดสวนทางกันว่า แล้วถ้าเสียหล่ะ? เพราะตอนนั้นผมโดนกิเลสครอบงำแบบจริงจังมาก ผมทุ่มเงินหมดหน้าตักเข้าซื้อหุ้นที่มีข่าววงในออกมาถึงหูผม คาดว่าจะปั่นไปเท่านั้นเท่านี้
ผลลัพธ์ที่ได้คือ โดนจ้าวทุบเละครับ สติแตก ทำอะไรไม่ถูกครับ ไปไม่เป็นเลยครับงานนี้ ช๊อค กว่าจะตั้งสติได้อีกที เงินที่ผมพยายามต่อยอดจากการลงทุนมา 3-4 ปี ก็หายไปกว่าครึ่งหนึ่งของมันเป็นที่เรียบร้อย

เป็นประสบการณ์ที่ราคาแพงมากสำหรับผม แต่มันก็ทำให้ผมเข้าใจว่า การอยากรวยเร็วๆ ความโลภที่มี มันอันตรายจริงๆ และหากผมมีสติมากกว่านี้ มันคงจะช่วยให้ไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น

2. ช่วงที่ผมฝึกเทรดหุ้นด้วยวิธีแบบ technical มันทำให้ผมเห็นความจริงอย่างนึงคือ ทุกครั้งที่เกิดความผิดพลาด ไม่เป็นไปตามทฤษฎี ผมจำเป็นต้อง cut loss .....แต่ผมไม่ทำ!!! เพราะ เข้าข้างตัวเอง ไม่ยอมรับความจริง คิดว่ามันน่าจะเด้งได้ สุดท้ายลงลึก เลยต้องขายขาดทุนกว่าเดิม เหตุการณ์ครั้งนี้มันทำให้ผมเข้าใจว่า ธรรมชาติของหุ้นมันเป็นแบบนี้ ไม่มีอะไรถูกต้องตามทฤษฎี100% และเมื่อผิดทางแล้วก็ต้องรู้ว่าผิด ให้รีบแก้ไข และการใช้อารมณ์เข้ามารบกวนระบบการเทรดที่มีวินัย มันก็เลยบรรลัยแบบนี้เอง


จริงๆหากเข้าใจธรรมะ ก็จะรู้ว่า ธรรมชาติของมนุษย์มีความกลัว ความโลภ มีกิเลสเป็นเรื่องปกติ เป็นธรรมดา  และเป็นธรรมชาติ
 
ตลาดหุ้น รวมถึงการเล่นหุ้น มันก็เป็นผลจากการกระทำที่ส่งต่อมาจากมนุษย์เรานี่เอง ดังนั้นมันก็เป็นเรื่องธรรมดา เมื่อมีคนฉลาด ก็ย่อมมีคนโง่ เมื่อมีคนกลัว ก็ต้องมีคนกล้า เมื่อมีคนอยากซื้อ มันก็ย่อมมีคนอยากจะขาย

สุดท้ายมันก็ส่งผลให้ราคาขึ้นและลง ตาม demand and supply หรือปัจจัยเหล่านี้เป็นปกติธรรมดา

หากเข้าใจหลักธรรมชาติเบื้องต้นแบบนี้แล้ว ผมว่า คุณมีแววจะอยู่ในตลาดหุ้นได้ยาวนานและมั่นคงได้ไม่ยาก
- บ้าหุ้น -

No comments:

Post a Comment