Sunday, September 29, 2013

เล่นหุ้น คือ การพนัน

ประโยค นี้เป็นที่ถกเถียงกันมานาน บางคนก็บอกว่าใช่ เป็นการพนันแน่นอน แต่บางคนก็ว่าเป็นการลงทุน ไม่ใช่การพนัน ผมได้ยินบ่อย จึงอยากจะเขียนอธิบายในมุมมอง(ส่วนตัว)ของผมดูบ้าง ลองดูละกันครับ

อันดับแรกเลย ถ้าพูดถึงการพนัน ผมจะนึกถึงอะไรบ้าง ง่ายๆ ก็จะมีพนันบอล ไฮโล โป๊กเกอร์ ไพ่ป๊อกเด้ง อะไรประมาณนี้คร่าวๆ
ต่อไป ผมมองว่าสิ่งที่จะแยกแยะว่าเป็นการพนันหรือไม่ ก็น่าจะเป็น “โอกาส หรือ ความน่าจะเป็น” หรือความเสี่ยงที่จะสียเงิน เช่นโอกาสเป็น 50/50 หรือ เรียกว่าเป็นการใช้ “ดวง” เล่น หรือความเสี่ยงในรอบนั้นๆ ถ้าเสียแล้วคือเสียเลย เอากลับมาไม่ได้ นอกจากจะไปหาเงินมาเล่นใหม่ ในครั้งต่อไป

ต่อไปขอเข้าสู่กระบวนการเปรียบเทียบ จะได้เห็นภาพชัดขึ้น

ถ้าผมมีเงินอยู่ก้อนนึงที่พร้อมจะทำอะไรต่อไปนี้ได้

ข้อแรก หากผมนำเงินก้อนนี้ไปลงทุนทำธุรกิจร้านอาหาร หรือร้านเสื้อผ้า หรือร้านขายเครื่องสำอาง หรือธุรกิจอะไรก็ตาม ความเสี่ยงของผม น่าจะเป็น ความรู้และความเข้่าใจในธุรกิจนั้นๆ การบริหารงบการเงินและต้นทุนต่างๆ การตั้งราคาขาย การออกแบบสินค้า การวางแผนตลาด connectionsต่างๆ หากทั้งหมดนี้ผมไม่ได้มีความรู้หรือศึกษามาแล้วอย่างดีจริง ผมว่าสิ่งนี้ก็เรียกว่า ความเสี่ยง ไม่ต่างจากการพนัน เพราะอย่าลืมว่าคนทำธุรกิจเดียวกัน ที่เค้าเตรียมพร้อมมาอย่างดีในทุกๆด้านนั้น มีไม่น้อยนะครับ

ข้อสอง หากผมนำเงินก้อนนี้ไปฝากประจำกับธนาคารไว้เฉยๆ หากดอกเบี้ยผมได้ปีละ 4% ความเสี่ยงของผมก็คือ อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นทุกๆปี นั่นจะทำให้เงินของผมที่ฝากไว้มีค่าน้อยลงไปเรื่อยๆทุกปี ลองคิดดูดีๆนะครับ
ผมยกตัวอย่างเช่น หากเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ผมฝากธนาคารไว้ 20 บาท ได้ดอกเบี้ย 4% ทบต้น ในปีที่5 ผมจะมีเงินเป็น 24.33 บาทโดยประมาณ ในขณะเดียวกัน เมื่อ 5 ปีที่แล้วผมซื้อข้าวได้ 1 จาน ในราคา 20 บาท พอ 5 ปีต่อมา ราคาข้าว 1 จาน เท่ากับ 30 บาท (นี่คือเรื่องจริงนะครับ อัตราเงินเฟ้อของจริงบางทีมันรุนแรงกว่านี้ด้วยครับ) นั่นหมายถึง ในจำนวนเงินที่ผมเคยซื้อข้าวได้ 1 จาน หากผมเอาไปฝากธนาคาร อีก 5 ปี เงินผมก้อนเดิมนี้ต่อให้เพิ่มเป็น 24.33 บาท(ตามrateดอกเบี้ยธนาคารที่ผมได้จริง) ผมก็ซื้อข้าวกินไม่ได้แล้วนะครับ กรณีนี้ ผมถือว่าผมเสี่ยงแน่นอน
(คงไม่ต้องพูดถึงคนที่เก็บเงินไว้เฉยๆ ไม่ทำอะไรเลยนำครับ อัตราเงินเฟ้อมันก็จะค่อยๆกินมูลค่าเงินก้อนนั้นไปเรื่อยๆเองโดยอัตโนมัติ)

ข้อสาม หากผมนำเงินก้อนนี้มาลงทุนในตลาดหุ้น โดยที่ผมไม่มีความรู้อะไรเลย อ่านงบการเงินก็ไม่เป็น กำไรขาดทุนบริษัทดูที่ไหนก็ไม่รู้ หุ้นของบริษัทที่ลงทุนไป เค้าทำธุรกิจอะไร ขายอะไร ใครเป็นเจ้าของก็ไม่รู้ หรือบอกว่าตัวเองเล่นเทคนิคแต่ดูกราฟไม่เป็น เข้ามาเล่นตามคนอื่น ตามเพื่อน ตามข่าว โบรกให้ซื้อก็ซื้อ โบรกให้ขายก็ขาย แน่นอนครับในกรณีนี้ ผมถือว่า เสี่ยงไม่แพ้การพนันแน่นอน

และทั้งหมดที่ผมพูดมาในทุกๆตัวอย่าง น่าจะพอเห็นแล้วว่า ความเสี่ยงนั้นมีอยู่ในทุกๆข้อ ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตาม ซึ่งความเสี่ยงนั้นจะมากน้อยแค่ไหน มันขึ้นอยู่กับความรู้ ความสามารถ ความพร้อม ความถนัด และวิธีการต่างๆของ"ตัวบุคคล"นั้นๆเอง

สำหรับคำพูดที่ว่า “เล่นหุ้นคือการพนัน” มันจะเป็นจริง"เสมอ" สำหรับคนที่นำเงินมาเข้าตลาดหุ้นโดยไม่ศึกษามาให้พร้อม

ผมขอยืนยันเลยว่า ใครก็ตามที่ทำการอะไรก็แล้วแต่ โดยไม่พยายามศึกษาให้เข้าใจและไม่มีแบบแผนให้พร้อมเสียก่อน "ความเสี่ยง"ของคุณก็ไม่ต่างอะไรจากคนที่เล่นพนันแน่นอน (เอะอะก็จะวัดดวงอย่างเดียว)

ผมหวังว่าทั้งหมดนี้จะเป็นไอเดียช่วยให้เห็นภาพได้ง่ายขึ้นบ้างว่า....การที่จะเรียกสิ่งไหนว่า "การพนัน" มันขึ้นอยู่กับ..."อะไร" จริงๆกันแน่? (หวังว่าจะช่วยให้เข้าใจได้บ้างนะ 555)
- บ้าหุ้น -

No comments:

Post a Comment